ทริปไปดูงาน

บล็อกนี้จัดทำขึ้นเพื่อใช้ในการเรียนการสอนรายวิชา อินเตอร์เน็ตและการสื่อสารในชีวิตประจำวัน ของ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

วันพฤหัสบดีที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ปรับ “ท่า” นิดพิชิตหุ่นสวย

ทิปง่าย ๆ  ที่ทำให้การออกกำลังกายของคุณทำได้ผลมากขึ้น ๆ  แบบชิลล์ ๆ
คุณเคยสงสัยรึเปล่าว่า  การโหนบาร์แล้วยกตวขึ้นเสมอระดับข้อมือน่ะ  ทำไมถึงได้ยากเย็นเข็ญใจหนักหนา  คำตอบง่าย ๆ  ก็คือ  กฎทางฟิสิกส์ไงล่ะ  ขณะที่คุณโหนดึงตัวขึ้น  ร่างกายจะอยู่ในท่าที่บังคับหลังและแขนให้ดึงน้ำหนักตัวทั้งหมดขึ้น  วึ่งจริงแล้วเป็นภาวะที่ขัดต่อกฎวิทยาศาสตร์ว่าด้วยการเคลื่อนไหว  หรือที่อัลวิน  คอสโกรฟ  (Alwyn  Cosgrove)  โค้ชด้านสร้างความแข้งแกร่งและสุขภาพ  เรียกว่า  ภาวะที่ร่างกายดื้อและต่อต้าน  อันที่จริงการออกกำลังกายประเภทนี้ท้าทาย  (และได้ผลมาก)  และจะได้ผลมากยิ่งขึ้นถ้าคุณเพิ่มหลักทางฟิสิกส์เพื่อการกระชับรูปน่างเข้าไปสักหน่อย
กฎข้อที่  1  ผอมกว่าถ้าเพิ่มระยะ
วิทยาศาสตร์ว่าไว้ว่า  :  ถ้าคุณเพิ่มระยะห่างระหว่างจุดรับน้ำหนักกับปลายวัตถุที่ต้องการจะยก  (ในที่นี้คือกล้ามเนื้อแขนกับตัวคุณนั่นเอง)  จะทำให้ยกยากขึ้น
นั่นก็คือ  :  ยิ่งตัวสูงเท่าไหร่  ก็ยิ่งยกตัวขึ้นได้ยากเท่านั้น  แล้วกล้ามเนื้อคุณต้องทำงานหนักขึ้นด้วยเปรียบง่าย ๆ  ได้ว่า  ถ่าคุณมีขาเรียวยาวประหนึ่งนางแบบ  การเปลี่ยนท่าจากคุกเข่าเป็นยืนของคุณจะใช้พลังกล้ามเนื้อในการรับน้ำหนักทั้งตัวมากกว่าคนที่ขาสั้น
เพราะฉะนั้น  :  คุณจะได้ออกกำลังกายมากขึ้นถ้ายกแขนทั้งสองข้างขึ้นสูงเหนือศีรษะให้ขนานกับลำตัว  ในขณะที่ท่าลังจ์  (ก้าวเท้าไปข้างหน้าและย่อเข่า)  ท่าสคอท  (ท่ายืนย่อเข่าทั้งสองข้าง)  หรือซิตอัพ  ยากไปไหม?  ถ้าอย่างนั้นลองเอามือประสานไว้หลังศีรษะก่อนก็ได้
กฎข้อที่  2  สปริงตัวกลับฉับไว
วิทยาศาสตร์ว่าไว้ว่า  :  ขณะที่คุณย่อตัวระหว่างออกกำลังท่าไหนก็ตาม  กล้ามเนื้อจะสร้างพลังความยืดหยุ่นขึ้น  เหมือนกับระบบสปริงของเครื่องจักรที่ความยืดหยุ่นช่วยส่งให้สปริงเด้งกลับไปที่ท่าเริ่มต้นได้  โดยกล้ามเนื้อไม่ต้องออกแรงมากนัก
เพราะฉะนั้น  :  หยุดค้างที่ท่าย่อไว้สัก  4  วินาที  เพราะแค่  4  วินาทีนี้เท่านั้น  กล้ามเนื้อจะเพิ่มความยืดหยุ่นให้ร่างกายดึ๋งดั๋ง  กระปรี้กระเปร่า  ราวกับติดสปริง
กฎข้อที่  3  ไปให้ไกลขึ้นอีก
วิทยาศาสตร์ว่าไว้ว่า  :  ตามหลักฟิสิกส์แล้ว  พลังงานคือแรงคูณระยะทาง  (ในที่นี้คือน้ำหนักตัวคุณคูณระยะทาง)  ในเมื่อเราไม่อยากเพิ่มน้ำหนักเพื่อที่จะได้พลังงานมากขึ้น  เราจึงต้องเพิ่มแรงในการออกกำลังกาย
เพราะฉะนั้น  :  ไม่ว่าจะทำท่าลังจ์  หรือซิตอัพก็ตามท่าสุดท้ายของการออกกำลังกายก็จบบนพื้นราบอยู่ดี  ดังนั้นต้องหาพื้นที่บริเวณกว้าง ๆ  แล้วใช้ให้คุ้มหรือไม่ก็ลองวางเท้าวางใดเท้าหนึ่งบนขั้นบันไดหรือสเต็ปในขณะทำท่าลังจ์
กฎข้อที่  4  บิดตัวอีกหน่อย
วิทยาศาสตร์ว่าไว้ว่า  :  ร่างกายของคนเราขยับเคลื่อนไหวได้  3  ทิศทางด้วยกัน  คือ  หน้า-หลัง,  ขึ้น-ลง  และไปด้านข้าง  นอกจากนี้ยังมีการเคลื่อนไหวแบบวนไปวนมาอีกด้วย  ท่าออกกำลังกายโดยมากจะเป็นการเคลื่อนไหวแบบหน้า-หลัง,  ขึ้น-ลง,  ไปด้านข้าง  แต่มักจะขาดการออกกำลังกายแบบหมุนตัวถึงแม้ว่ากิจวัตรประจำวันของเราจะซ้ำไปซ้ำมา  เช่น  การเดิน
เพราะฉะนั้น  :  อย่าลืมมาลุกขึ้นมาหมุนตัวไปทางซ้ายแล้วก็ไปทางขวาร่วมกับการออกกำลังกายท่าปกติ  เช่น  การทำท่าลังจ์หรือซิตอัพ  แล้วคุณจะได้รับประโยชน์จากการออกกำลังมากขึ้นกว่าเดิม  เพราะกล้ามเนื้อทุกส่วนได้เคลื่อนไหวอย่างที่ควรจะเป็น
กฎข้อที่  5  สัมผัสพื้นน้อยที่สุด
วิทยาศาสตร์ว่าไว้ว่า  :  ยิ่งวัตถุ  (ในที่นี้คือร่างกายเรา)  สัมผัสกับพื้นผิว  (หมายถึงพื้น)  น้อยที่สุด  ยิ่งทำให้วัตถุมั่นคง  ไม่โอนเอน  (ลองนึกภาพแจกันที่วางหมิ่นเหม่บนโต๊ะดูสิ  นั่นแหละ)  โชคดีที่ร่างกายเรามีระบบการปรับบาลานซ์  ซึ่งก็คือกล้ามเนื้อนั่นเอง  ดังนั้นการทำให้ร่างกายเสียการทรงตัวนิดน่อยย่อมทำให้การออกกำลังยากขึ้นอีกนิด  แล้วกล้ามเนื้อจะได้ทำงานมากขึ้นอีกหน่อย
เพราะฉะนั้น  :  ยกเท้าข้างหนึ่งไว้ขณะออกกำลังกายท่าง่าย ๆ  อย่างสควอทหรือแพงค์  (ท่าไม้กระดาน)  เพื่อเพิ่มความท่าทายให้กล้ามเนื้อ  ในขณะที่คุณก็จะรู้สึกขึ้นกว่าท่าเดิม ๆ

ที่มา นิตยสาร Women’s Health

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น